หน้าฝนนี้ เด็กๆ เสี่ยงโรคอะไรกันบ้างนะ

เข้าสู่ช่วงฤดูฝนกันแล้ว ซ้ำยังเป็นช่วงที่เด็ก ๆ เปิดเทอม จนต้องยอมรับเลยว่าเป็นช่วงที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคติดเชื้อหลายชนิดเพิ่มขึ้นมาก ทั้งความชื้นที่เพิ่มขึ้นและน้ำขังสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของเชื้อโรค นี่คือโรคที่พบได้บ่อยในเด็กในช่วงเวลานี้



โรคที่พบได้บ่อยในเด็กช่วงฤดูฝนในประเทศไทย

นอกจากอากาศจะชื้นทำให้เชื้อโรคเติบโตและแพร่กระจายได้ดีแล้ว การเปลี่ยนแปลงของอากาศ เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวฝน ก็อาจทำให้เราป่วยได้ง่ายขึ้นด้วย ดังนั้นเรามาดูกันดีกว่าว่า มีโรคอันตรายอะไรอีกบ้าง ที่เราต้องระมัดระวัง และดูแลตัวเองไม่ให้ป่วย ตามนี้เลย!


1. ไข้เลือดออก Dengue Fever

ไข้เลือดออกเป็นการติดเชื้อไวรัสที่แพร่กระจายโดยยุงลายที่มักเพาะพันธุ์ในน้ำขัง ยิ่งเข้าหน้าฝนแหละเพาะพันธุ์ของยุงลายก็ยิ่งมาก ยิ่งเพิ่มโอกาสที่เด็ก ๆ จะถูกกัดและได้รับเชื้อไข้เลือดออกเป็นอย่างมาก ซึ่งไข้เลือดออกนับเป็นโรคที่อันตรายมาก โดยจะทำให้มีไข้สูง ปวดศีรษะรุนแรง ปวดตา ปวดข้อและกล้ามเนื้อ และมีผื่น ในกรณีรุนแรง ไข้เลือดออกอาจนำไปสู่ไข้เลือดออกชนิดมีเลือดออกหรือภาวะช็อกจากไข้เลือดออก ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตและต้องได้รับการรักษาทันที


2. โรคมือเท้าปาก Hand, Foot, and Mouth Disease (HFMD)

เป็นโรคเกิดจากเชื้อไวรัสที่ติดต่อได้ง่ายมาก ซึ่งมักพบในทารกและเด็กเล็ก โรคนี้แพร่กระจายผ่านการสัมผัสกับน้ำมูก น้ำลาย หรืออุจจาระของผู้ติดเชื้อ อาการมีตั้งแต่ มีไข้ แผลในปาก และผื่นที่มือและเท้า โดยฤดูฝนจะช่วยให้การแพร่กระจายของโรคโรคมือเท้าปากเพิ่มขึ้น เนื่องจากการสัมผัสใกล้ชิดในสถานที่แออัดเช่น โรงเรียนและศูนย์รับเลี้ยงเด็ก


3. การติดเชื้อทางเดินหายใจ Respiratory Infections

การติดเชื้อทางเดินหายใจ เช่น หวัด ไข้หวัดใหญ่ และปอดบวม มีความชุกในช่วงฤดูฝน สภาพแวดล้อมที่เปียกชื้นช่วยให้เชื้อไวรัสและแบคทีเรียเจริญเติบโตและแพร่กระจาย อาการมีตั้งแต่ น้ำมูกไหลและไอเบาๆ จนถึง ไข้สูง หายใจลำบาก และเจ็บหน้าอกในกรณีรุนแรง


4. โรคฉี่หนู เลปโตสไปโรซิส Leptospirosis

โรคฉี่หนูเป็นการติดเชื้อแบคทีเรียที่เกิดจากการสัมผัสกับน้ำหรือดินที่ปนเปื้อนปัสสาวะของสัตว์ที่ติดเชื้อ การเกิดน้ำท่วมในช่วงฤดูฝนเพิ่มความเสี่ยงของโรคนี้ อาการรวมถึงไข้สูง ปวดศีรษะ หนาวสั่น ปวดกล้ามเนื้อ อาเจียน ตัวเหลือง ตาแดง ปวดท้อง ท้องเสีย และมีผื่น หากไม่ได้รับการรักษา โรคฉี่หนูสามารถนำไปสู่ความเสียหายของไต เยื่อหุ้มสมองอักเสบ การล้มเหลวของตับ และปัญหาทางเดินหายใจ


5. การติดเชื้อทางเดินอาหาร Gastrointestinal Infections

ฤดูฝนยังเพิ่มการติดเชื้อทางเดินอาหาร เช่น ท้องเสีย อหิวาตกโรค และไข้ไทฟอยด์ โรคเหล่านี้มักเกิดจากการบริโภคอาหารและน้ำที่ปนเปื้อน อาการได้แก่ ท้องเสีย อาเจียน ปวดท้อง ไข้ และขาดน้ำ เด็กมีความเสี่ยงมากเนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันที่ยังพัฒนาไม่เต็มที่


6. ตาแดง (Conjunctivitis: Pink Eye)

ตาแดง หรือเยื่อบุตาอักเสบ เป็นการอักเสบของเยื่อบุตาที่มักเกิดจากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย ความชื้นที่เพิ่มขึ้นและฝนที่ตกบ่อยสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการแพร่กระจายของตาแดง โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีคนอยู่หนาแน่น อาการได้แก่ ตาแดง คัน และมีน้ำตาไหล


เตรียมพร้อมรับมือทั้งตนเองและลูกน้อย

สิ่งสำคัญที่จะช่วยในการป้องกันและลดโอกาสเสี่ยงในการเกิดหรือติดโรคเหล่านี้ คือการดูแลสุขลักษณะของตนเองร่วมกับการปฏิบัติตามหลักของสาธารณสุข ดังนี้

  1. การฉีดวัคซีน: เป้นตัวช่วยในการเสริมภูมิคุ้มกันได้เป็นอย่างดี มีความสำคัญทั้งในด้านการป้องกัน และช่วยลดความรุนแรงของโรคได้    

  2. การกำจัดแหล่งแพร่พันธุ์ยุงลายและการป้องกันตัวเอง: ทั้งการกำจัดน้ำบริเวณที่มีน้ำขังรอบบ้าน ติดตั้งมุ้งลวดที่หน้าต่างและประตู ทายากันยุงให้ลูก

  3. การดูแลด้านสุขอนามัย: ส่งเสริมการล้างมือด้วยสบู่และน้ำบ่อยๆ โดยเฉพาะก่อนกินอาหารและหลังใช้ห้องน้ำ

  4. น้ำดื่มที่สะอาดปลอดภัย: เลือกดื่มน้ำจากภาชะที่สะอาด และมาจากแหล่งน้ำที่ปลอดภัย

  5. หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีน้ำขัง น้ำท่วม : งดการเล่นน้ำฝน หรือเล่นน้ำขัง แอ่งน้ำที่เพิ่มความเสี่ยงให้สัมผัสกับโรคเลปโตสไปโรซิสและโรคทางน้ำอื่นๆ

คุณพ่อ คุณแม่ มีส่วนสำคัญเป็นอย่างมากในการดูแลเพื่อลดความเสี่ยงลูกก่อนที่จะป่วย โดยการเข้าใจที่มาและการป้องกันของโรคเหล่านี้และนำมาตรการป้องกันที่เหมาะสมไปปฏิบัติ จะช่วยลดความเสี่ยงของการเจ็บป่วยในช่วงฤดูฝนสามารถของเด็ก ๆ ได้อย่างมาก เพื่อให้เด็ก ๆ มีสุขภาพที่ดีขึ้นในช่วงฤดูฝนนี้นะคะ


สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถดูได้จากแหล่งข้อมูลจาก Centers for Disease Control and Prevention (CDC) และ National Center for Biotechnology Information (NCBI).​ (NCBI)​​ (CDC)


 

แพทย์ที่เกี่ยวข้อง

แพ็กเกจและโปรโมชั่น

บทความสุขภาพ

ดูเเลลูกน้อยอย่างไร ? หลังฉีดวัคซีน
ดูเเลลูกน้อยอย่างไร ? หลังฉีดวัคซีน

หลังฉีดวัคซีนควรพักรอประมาณ 30 นาที เพื่อสังเกตุอาการแพ้แบบรุนแรง (Anaphylaxis)ได้แก่ ปากบวม ผื่น หายใจลำบาก ช็อก ซึ่งมักจะเกิดขึ้นหลังฉีดวัคซีนภายในเวล...
ดูรายละเอียด

วัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบในเด็ก
วัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบในเด็ก
สาเหตุของการเกิดปอดอักเสบในเด็ก มักเกิดจากการติดเชื้อ ซึ่งเราสามารถป้องกันการติดเชื้อบางชนิดได้ โดยการให้วัคซีนป้องกันการเกิดปอดอักเสบ การหายใจและปอดของเด็กแตก...
ดูรายละเอียด
เมื่อลูกเป็น “โรคภูมิแพ้” พ่อแม่ต้องดูแลอย่างไร?
เมื่อลูกเป็น “โรคภูมิแพ้” พ่อแม่ต้องดูแลอย่างไร?

โรคภูมิแพ้ เป็นโรคที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ในการหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ เพื่อป้องกันไม่ให้โรคกำเริบ ซึ่งส่งผลเสียหลายด้าน โดยโรคภูมิแพ้มีหลายชน...
ดูรายละเอียด

เฝ้าระวังโรคไข้เลือดในเด็ก
เฝ้าระวังโรคไข้เลือดในเด็ก

กรมควบคุมโรคเผย ข้อมูลจากระบบรายงานเฝ้าระวังโรค สถานการณ์โรคไข้เลือดออก ในปี 2566 (1 ม.ค.- 1 มี.ค.66)

ผู้ป่วยจำนวน 6,156 ราย เสียชีวิต 4 ราย...
ดูรายละเอียด

ภูมิแพ้ในเด็ก
ภูมิแพ้ในเด็ก

อาการ จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล นอนกรน หรือ ผื่นขึ้นตามตัว น้ำตาไหล ขยี้ตาบ่อยๆ ของลูกที่มีอาการเรื้อรัง เป็นๆหายๆมานาน คุณพ่...

ดูรายละเอียด