รวม 5 ความเชื่อ ของคุณแม่ตั้งครรภ์ ที่เข้าใจแบบผิดๆ

       ผู้หญิงมักได้ยินความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการตั้งครรภ์จากครอบครัวและเพื่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อสังคมออนไลน์เข้ามามีบทบาทมากขึ้น ส่งผลให้ผู้หญิงหลายคนสอบถามตอนที่มาฝากครรภ์ ว่าข้อมูลที่อ่านหรือได้ยินมานั้นเป็นความจริงหรือไม่



1. ความเชื่อ: ขณะตั้งครรภ์ถ้าอยากให้ลูกผิวขาว ห้ามกินของดำ เช่น เฉาก๊วย ช็อกโกแลต

       ความจริง: ลักษณะผิวขาวหรือดำของทารกแรกเกิดนั้นขึ้นอยู่กับการแสดงออกทางพันธุกรรม โดยยีนที่ควบคุมการแสดงออกของเมลานินหรือเม็ดสี ทำให้คนเราเกิดมามีสีผิวที่แตกต่างกัน แต่สิ่งแวดล้อมอาจมีผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสีผิวได้เมื่อโตขึ้น เช่น การได้รับรังสีอัลตราไวโอเลตสามารถทำให้ผิวดำขึ้นหรือการใช้โลชั่นทาผิวที่มีสารไวท์เทนนิ่งก็ทำให้ผิวขาวขึ้นได้เล็กน้อย แต่การรับประทานเฉาก๊วยหรืออาหารที่มีสีดำนั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสีผิวของทารกในครรภ์


2. ความเชื่อ: ดื่มน้ำมะพร้าวขณะตั้งครรภ์ช่วยให้ลูกคลอดออกมาไม่มีไข หรือจะทำให้แท้งบุตร

       ความจริง: ไขของทารกในครรภ์ (Vernix Caseosa) ปกติพัฒนาการของทารกในครรภ์ช่วง 5 เดือนจะเริ่มมีการสร้างไขขึ้นมา ซึ่งไขมีหน้าที่ช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวทารก ป้องกันการเสียความร้อนให้ทารกแรกเกิด ป้องกันแบคทีเรียผ่านสู่ผิวทารก และยังเป็นตัวหล่อลื่น ช่วยให้คลอดออกมาทางช่องคลอดได้ง่ายขึ้น ปกติแล้วเมื่ออายุครรภ์ครบกำหนด ไขเหล่านี้จะลดน้อยลง หากทารกคลอดก่อนกำหนดไขเหล่านี้จะค่อนข้างเยอะ การดื่มน้ำมะพร้าวนั้น น้ำมะพร้าวมีไขมันทั้งอิ่มตัวและไม่อิ่มตัว เมื่อดื่มน้ำมะพร้าวแล้วทำให้ไขสีขาวขึ้น แต่ไม่ได้ช่วยให้ลูกคลอดออกมาไม่มีไข

       ในน้ำมะพร้าวมีฮอร์โมนเอสโตรเจน แต่ในปริมาณที่น้อยมาก ปกติในขณะตั้งครรภ์ฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนในร่างกายจะสูงมากอยู่แล้ว ซึ่งในน้ำมะพร้าวมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้นจึงไม่มีผลต่อการบีบตัวมดลูกที่ทำให้แท้งบุตรได้


3. ความเชื่อ: ยาบำรุงที่หมอให้ขณะตั้งครรภ์ทำให้อ้วน

       ความจริง: ยาบำรุงที่ได้รับตอนฝากครรภ์จะเน้นธาตุเหล็กและวิตามิน ซึ่งเป็นผลดีต่อหญิงตั้งครรภ์และทารกในครรภ์โดยตรง ช่วยให้การสร้างเม็ดเลือดแดงดีขึ้น ไม่เกี่ยวกับการทำให้อ้วน แต่ที่ผู้หญิงตั้งครรภ์อ้วนเกิดจากอิทธิพลของฮอร์โมนที่เพิ่มขึ้น ทำให้เซลล์บวมน้ำ และคนท้องส่วนใหญ่เจริญอาหาร ทำให้รับประทานอาหารมากขึ้นด้วย


4. ความเชื่อ: ขณะตั้งครรภ์น้ำหนักจะขึ้นเยอะเท่าไรก็ได้ รับประทานอาหารได้เต็มที่

       ความจริง: โดยปกติแล้วระหว่างตั้งครรภ์น้ำหนักควรเพิ่มตามเกณฑ์ดังนี้
ช่วงไตรมาสแรก น้ำหนักควรเพิ่มประมาณ 1 กิโลกรัม
ช่วงไตรมาสที่ 2 ควรเพิ่มประมาณ 4 – 5 กิโลกรัม
ช่วงไตรมาสที่ 3 ควรเพิ่มประมาณ 5 – 6 กิโลกรัม หรือควรเพิ่ม 10 – 12 กิโลกรัมตลอดการตั้งครรภ์เพื่อป้องกันความเสี่ยงเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ความดันโลหิตสูง ซึ่งนำไปสู่ครรภ์เป็นพิษ จึงควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์  หลีกเลี่ยงขนมหวานต่าง ๆ


5. ความเชื่อ: ขณะตั้งครรภ์ห้ามออกกำลังกาย

       ความจริง: การออกกำลังกายขณะตั้งครรภ์ช่วยส่งเสริมบุคลิกท่าทางของผู้หญิงตั้งครรภ์ ลดอาการปวดหลัง ความเหนื่อยล้า รวมทั้งความเครียดได้ และยังมีหลักฐานว่าการออกกำลังกายระหว่างตั้งครรภ์ช่วยป้องกันการเป็นเบาหวานในผู้หญิงตั้งครรภ์อีกด้วย ปกติหากออกกำลังกายอยู่แล้วก่อนตั้งครรภ์ ขณะตั้งครรภ์สามารถออกกำลังกายได้ในระดับความหนักปานกลาง เช่น การเดินเร็ว ว่ายน้ำอย่างต่อเนื่อง หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่อาจเกิดแรงปะทะ หรืออุบัติเหตุได้ง่าย แต่ถ้าไม่เคยออกกำลังกายมาก่อน ควรปรึกษาแพทย์ หรือออกกำลังกายที่ออกแบบเฉพาะสำหรับผู้หญิงตั้งครรภ์ และการออกกำลังกายควรเริ่มหลังอายุครรภ์ 14 สัปดาห์ไปแล้ว