ทำไมต้องฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่

ไข้หวัดใหญ่ (Inflenza. Flu) คือโรคติดต่อทางระบบทางเดินหายใจ เกิดจากเชื้อไวรัสที่ชื่อว่า Influenza สามารถติดต่อระหว่างคนสู่คนได้ ผ่านการไอ จาม หรือสัมผัสผู้ที่ติดเชื้อไวรัส หลายท่านอาจคิดว่าไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่ไม่อันตราย แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไข้หวัดใหญ่อาจทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนหลังติดเชื้อหรือถึงแก่ชีวิตได้

สำหรับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ควรฉีดก่อนฤดูที่มีการระบาด (ฤดูฝน และฤดูหนาว) และฉีดอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายที่มีต่อเชื้อไข้หวัดใหญ่จะลดต่ำลงได้ในระยะเวลาไม่นาน การฉีดวัคซีนทุกปีจึงเป็นการกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันอยู่ในระดับสูง ทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไข้หวัดใหญ่อย่างต่อเนื่อง และไม่เกิดอาการป่วยเมื่อได้รับเชื้อไวรัส

วัคซีนทั้ง 4 สายพันธุ์แนะนำให้ฉีดได้ตั้งแต่เด็กอายุ 6 เดือน จนถึงวัยผู้สูงอายุ รวมถึงหญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตรก็สามารถรับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ได้เช่นกัน


กลุ่มที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ และควรได้รับการป้องกันด้วยวัคซีน

  1. ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง ได้แก่ โรคหอบหืด โรคหัวใจ และโรคเบาหวาน
  2. ผู้มีอายุ 65 ปีขึ้นไป
  3. หญิงตั้งครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป
  4. เด็กอายุ 6 เดือน – 2 ปี
  5. ผู้พิการทางสมอง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
  6. โรคธาลัสซีเมีย หรือ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง
  7. ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากกว่า 100 กิโลกรัม

วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์มีประโยชน์อย่างไร?
นอกเหนือจากการปกป้องร่างกายจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ทั้ง 4 สายพันธุ์แล้ว การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ยังมีประโยชน์อื่นๆ อีกดังต่อไปนี้

  • สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิด B ครอบคลุมสายพันธุ์มากขึ้นกว่าเดิม
  • ลดอัตราการระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่
  • ลดปัญหาจากภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ โดยเฉพาะในเด็กเล็กและผู้ป่วยเรื้อรัง
  • ลดการใช้ยาปฏิชีวนะจากภาวะแทรกซ้อนในการติดเชื้อแบคทีเรีย
  • ลดค่าใช้จ่ายในการรักษา
  • ลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่