อาการของโรคติดเชื้อเอนเทอโรไวรัส น่ากังวลหรือไม่?

    โรคติดเชื้อเอนเทอโรไวรัส (Enterovirus Diseases): โรคมือ เท้า ปาก (HFMD)/ โรคแผลในคอหอย (Herpangina) เชื้อกลุ่มเอนเทอโรไวรัสประกอบไปด้วยเชื้อไวรัสทั้งหมด 68 สายพันธุ์ เชื้อไวรัสกลุ่มนี้ เกือบทั้งหมดอยู่ในลำไส้ของมนุษย์ โดยแสดงอาการของโรคต่างกัน ส่วนใหญ่ก่อให้เกิดโรคในเด็กซึ่งเป็นโรคที่ไม่รุนแรง และสามารถหายได้เอง เช่น โรคมือ เท้า ปาก บางสายพันธุ์สามารถก่อให้เกิดโรคที่รุนแรงได้ เช่น โรคโปลิโอ โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ โรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ เป็นต้น



เชื้อกลุ่มเอนเทอโรไวรัสประกอบไปด้วยเชื้อไวรัสทั้งหมด 68 สายพันธุ์ คือ

    • โปลิโอไวรัส ; 3 ชนิด
    • คอกแซกกีไวรัสกรุ๊ป เอ ; 23 ชนิด
    • คอกแซกกีไวรัสกรุ๊ป บี ; 6 ชนิด
    • เอคโคไวรัส ; 32 ชนิด
    • เอนเทอโรไวรัส สายพันธุ์ 68 - 71 ; 4 ชนิด

    เชื้อไวรัสกลุ่มนี้ เกือบทั้งหมดอยู่ในลำไส้ของมนุษย์ โดยแสดงอาการของโรคต่างกัน ส่วนใหญ่ก่อให้เกิดโรคในเด็กซึ่งเป็นโรคที่ไม่รุนแรง และสามารถหายได้เอง เช่น โรคมือเท้าปาก บางสายพันธุ์สามารถก่อให้เกิดโรคที่รุนแรงได้ เช่น โรคโปลิโอ โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ โรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ เป็นต้น


อาการรุนแรงที่พบได้

    1. อาการทางสมอง ได้แก่ เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากไวรัส

    (**เคยมีรายงานเคสในไทย มีอาการ ไข้สมองอักเสบ เบื้องต้นมีไข้อาเจียน ไม่มีตุ่มผื่น แต่มี ปอดบวมน้ำ และ ไข้สมองอักเสบ ซึ่งตรวจพบว่ามาจากเชื้อ EV-71)

    2. อาการที่หัวใจ ได้แก่ เยื่อหุ้มหัวใจ และ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ

    (**เคยมีรายงานเคสในเด็กวัย 2 ขวบ 8 เดือน ในปี 2555 เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล และ เสียชีวิตเป็นการเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว กระทรวงสาธารณสุขได้ยืนยันว่ามีการติดเชื้อ enterovirus จริง คือ EV-71 (genotype B5) เด็กรายนี้มีอาการของ #กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ เกิดขึ้นโดยไม่มีอาการของไข้ รวมทั้งไม่มีผื่น และ แผลในช่องปาก แรกๆ มีอาการ ไอ หายใจลำบาก ซึม ต่อมามีความดันเลือดสูง เหนื่อยหอบ การหายใจล้มเหลวต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ เม็ดเลือดขาว มีปริมาณสูง หัวใจเต้นเร็ว ตรวจเอนไซม์พบว่ากล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ไม่พบเชื้อในอุจจาระและน้ำไขสันหลัง ต่อมาได้เก็บตัวอย่างเชื้อจากคอและตรวจด้วยวิธี PCR จึงพบเชื้อ)


    • โรคมือเท้าปาก เกิดจากการติดเชื้อไวรัสกลุ่ม Human enteroviruses โดยเชื้อในกลุ่มนี้ที่พบบ่อย คือ Coxsackie virus (Coxsackie virus A16, A5, A9, A10, B1 และ B3) และ Enterovirus

    • ประเทศไทยพบโรคมือเท้าปาก ได้ตลอดทั้งปี
พบการระบาดได้บ่อยในช่วงฤดูฝน อากาศเย็นและชื้น พบได้ทุกอายุแต่พบได้บ่อยในเด็กทารกและเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี

    • ติดต่อโดยการสัมผัสสารคัดหลั่งจากจมูกและลำคอ น้ำลาย ของเหลวจากตุ่มน้ำหรืออุจจาระของผู้ป่วย ทั้งสัมผัสโดยตรงและสัมผัสทางอ้อม เช่น สัมผัสผ่านของเล่น น้ำดื่มและอาหารที่มีการปนเปื้อนเชื้อ

    • ระยะฟักตัว 3 – 6 วันหลังได้รับเชื้อ


อาการของโรค แสดงได้หลายลักษณะ ดังนี้

    1.โรคแผลในคอ (Herpangina) มีไข้ 1 – 2 วัน อาจพบอาการชักจากไข้สูงร่วมได้ร้อยละ 5 เจ็บคอ มีตุ่มพองใสขนาด 1 – 2 มิลลิเมตรบนฐานสีแดง กระจายอยู่บริเวณคอหอย และตุ่มพองใสจะขยายกลายเป็นแผลคล้ายแผลร้อนใน โดยมากพบที่บริเวณด้านหน้าของต่อมทอนซิล เพดานปากด้านหลัง ลิ้นไก่ และต่อมทอนซิล มักเป็นอยู่นาน 4 – 6 วัน ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต

    2.โรคมือเท้าปาก (Hand Foot and Mouth Disease: HFMD) ส่วนใหญ่มีไข้ 1 – 2 วัน บางรายไข้สูง แผลในปากค่อนข้างกระจายกว้างในช่องปาก กระพุ้งแก้มและเหงือก รวมทั้งด้านข้างของลิ้น หลังจาก 2 – 3 วันจะค่อยๆ เริ่มตกสะเก็ดและค่อยๆ หายไปภายใน 7 – 10 วัน จะมีผื่นหรือตุ่มพองใสเกิดที่บริเวณฝ่ามือ นิ้วมือ ฝ่าเท้า แขน ขา ข้อศอกและรอบทวารหนักได้ ผู้ป่วยมีอาการเจ็บช่องปากและลำคอมากในช่วงวันที่ 3 – 5 ของอาการป่วย น้ำลายไหล กลืนลำบาก อาเจียน กินได้ลดลง บางรายมีถ่ายเหลว


    • การวินิจฉัยโรค สามารถวินิจฉัยโรคได้จากประวัติ ตรวจร่างกาย ในผู้ป่วยบางรายมีความจำเป็นต้องส่งตรวจเชื้อเพื่อการวินิจฉัยแบบเฉพาะเจาะจง (สายพันธุ์ย่อยของเชื้อ)


อาการที่ควรรีบกลับมาพบแพทย์ทันที

    • ไข้สูง โดยเฉพาะมากกว่า 39 C และนานกว่า 48 ชั่วโมง
    • กระสับกระส่าย ร้องกวนตลอดเวลา
    • อาเจียนบ่อยๆ รับประทานอาหารไม่ได้หรือได้น้อยมาก
    • มีอาการทางระบบประสาท ได้แก่ ซึม การกรอกตาที่ผิดปกติ กล้ามเนื้อกระตุก ชัก ไม่รู้สึกตัว ปวดศีรษะอย่างรุนแรง แขนขาอ่อนแรงฉับพลัน เดินเซ
    • ตัวลาย ซีด
    • หายใจหอบเหนื่อย


     • การรักษายังไม่มียารักษาจำเพาะ เน้นการรักษาแบบประคับประคอง เพื่อบรรเทาอาการต่างๆ เช่น เช็ดตัวลดไข้ร่วมกับการใช้ยาลดไข้ ใช้ยาชาทาบริเวณแผลในช่องปากเพื่อลดอาการเจ็บและทำให้รับประทานอาหารได้ ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง สามารถหายได้เอง ในผู้ป่วยบางรายที่มีภาวะขาดน้ำ อ่อนเพลียมาก แนะนำให้นอนรักษาตัวในโรงพยาบาลและให้น้ำเกลือทางหลอดเลือด ร่วมกับเฝ้าระวังสังเกตอาการของภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง

    • พบผู้ป่วยที่เกิดโรครุนแรงประมาณ 0.05% – 1% ในจำนวนผู้ป่วยทั้งหมด (1 ต่อ 2,000 – 10,000 ราย) เกิดจากเชื้อ EV71 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดโรคมือเท้าปาก ชนิดรุนแรงที่สุด มีอาการแทรกซ้อนต่างๆ ได้หลายระบบ เช่น ระบบประสาทส่วนกลาง (สมองอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ แขนขาอ่อนแรงเฉียบพลัน) ระบบทางเดินหายใจและระบบไหลเวียนโลหิต (กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ภาวะหัวใจวายเฉียบพลันและน้ำท่วมปอดเฉียบพลัน)


ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงมีโอกาสเสียชีวิตได้

    • การป้องกันที่ดีที่สุด คือ การมีสุขลักษณะที่ดีและการรับวัคซีนป้องกันโรคมือเท้าปาก ชนิดรุนแรงจากเชื้ออีวี 71

    • ประเทศไทยมีวัคซีนป้องกันโรคมือเท้าปาก ที่เกิดจากเชื้อเอนเทอโรไวรัส 71 (EV71) แล้ว

    • วัคซีนแนะนำให้ในเด็กอายุ 6 เดือน ถึง ก่อน 6 ปี ประสิทธิภาพในการป้องกันโรคมือ เท้า ปากที่มาจากการติดเชื้อ EV71 ได้ 97.3% วัคซีนฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ฉีด 2 เข็ม ระยะห่างกัน 1 เดือน

    • ผู้ป่วยที่หายจากโรคมือเท้าปาก ประมาณ 1 เดือน สามารถรับวัคซีนป้องกันโรคมือ เท้า ปาก จากเชื้ออีวี 71 ได้


    ข้อควรทราบ : เด็กที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคมือ เท้า ปาก ชนิดรุนแรงจากเชื้ออีวี 71 เพื่อป้องกันการติดเชื้อและลดความรุนแรงของโรคมือเท้าปาก จากเชื้ออีวี 71 แต่ยังมีโอกาสป่วยเป็นโรคมือเท้าปากจากสายพันธุ์อื่นๆได้ เนื่องจากไวรัสกลุ่มนี้มีหลายสายพันธุ์ หากเป็นไปได้แนะนำให้รับวัคซีนป้องกัน แม้โอกาสเกิดอาการรุนแรงจะน้อยแต่ก็มี และไม่รู้ว่าจะเกิดโรครุนแรงกับใคร